จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

ไม่อยากทรมานก่อนเมนส์มา

sporthealthynutrition  4 วิธีง่ายๆๆ ที่คุณหมออาจไม่เคยบอกคุณ เมื่อปวดท้องประจำเดือน

1. เบื่อจริงๆ กับอาการท้องอืดจนจะแตกออกมา การเล่นโยคะช่วยท่านได้ ถ้าไม่อยากลงทุนเข้าคอร์ส ก็ไปหาซื้อซีดีมาเปิดดูแล้วทำตามนะครับ

2.กินคาร์โบไฮเดรตอย่างแป้งและน้ำตาล  วันละนิดบวกกับเนื้อสักเล็กน้อย ไม่ติดมัน ช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้มาก หรือช็อกโกแลตสักแท่งก็ดี

3.อาหาร 3 ชนิด ที่มีแคลเซียมสูง อย่าง นม โยเกิร์ต และชีส จะช่วยให้อาการหงุดหงิด และอารมแปรปรวนลดลงได้ดีทีเดียว

4. อยู่ให้ห่างจากคาเฟอิน เพราะนอกจากจะทำให้อารมรุนแรงขึ้น ยังทำให้ปวดท้องหนักกว่าเดิมตอนเมนส์มา

ข้อความดีๆๆ ครับ

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกับร้านhealthy breakfast

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกับร้านhealthy breakfast

    เมื่อพูดถึงอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทุกท่านก็พอที่จะเข้าใจและรู้กันบ้่างไม่มากก็น้อยนะครับ แต่เราอาจจะไม่แน่ใจก็ได้ว่าอาหารหรือเครื่องดื่มดังกล่าว ที่เรากินดื่มกันไปนั้นได้สารอาหารครบถ้วนตามที่เราต้องการหรือเปล่าในแต่ละมื้อที่เรากินเข้าไป นั่นแหละครับปัญหาที่หลายๆคน ต้องดิ้นรนค้นหาสิ่งที่ดีๆมาให้กับร่างกายเรา วัตถุประสงค์ในการเลือกกินอาหารเพื่อสุขภาพนั้นแตกต่างกันไป บางคนอาจจะกินเพื่อควบคุมและลดน้ำหนัก บางคนอาจกินเพื่อป้องกันและรักษาโรคบางอย่าง หรือบางคนอาจจะกินเพื่อความงามแล้วแต่วัตถุประสงค์ของแต่ละคนไป
    ที่เกริ่นมานะก็จะมาเล่าว่าพอดีมีเพื่อนทำเกี่ยวกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอะนะ ครับ เป็นลักษณะที่เรียกว่า เชค นะ เป็นการที่รวมเอาธัญญาพืช 12 ชนิด ที่คุณค่าทางอาหารที่เหมาะกับร่างกายเราและก็เติมสารอาหารที่ร่างกายต้องเข้าไปด้วย อื่มน่ากินมาก ปริมาณต่อแก้ว ประมาณ 500ml กินแทนอาหารมื้อหนึ่งได้เลยที่เดียวซึ่งเหมาะมาสำหรับผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพิ่มน้ำหนัก หรือลดน้ำหนัก  ซึ่งในร้านนอกจากจะมีเครื่องเพื่อสุขภาพแล้วยังมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหลายตัว และยังให้คำแนะนำข้อมูลทางโภชนาการเพื่อสุขภาพต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญด้วยนะครับ ร้านเค้าอยู่ท่าแพ เชียงใหม่ ข้างธ.กสิกรไทย ครับสนใจแวะไปลองทานดูนะครับ (ชื่อเจ้าของร้านครับ ดร.ชาติชาย 086-9243663)


วันหลังมีอะไรดีๆเกี่ยวกับสุขภาพจะนำมาฝากใหม่นะครับ หรือใครต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพก็มาโพสไว้ได้นะครับ

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

รอบรู้เรื่องแคลอรี่

รอบรู้เรื่องแคลอรี่
       ร่างกายต้องการพลังงานมาใช้ในการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว หน่วยนับพลังงานเรียกว่าแคลอรี (Calories)  ซึ่งเป็นคำย่อจากคำเต็มว่ากิโลแคลอรี่ ทั้งสองคำนี้ใช้ในความหมายเดียวกัน
      
      แหล่งสร้างพลังงานก็คืออาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากธัญพืช เช่นข้าว แป้ง น้ำตาล กลุ่มนี้จะถูกร่างกายเอามาเผาผลาญเป็นพลังงานก่อนเพื่อน โดยหนึ่งกรัมของคาร์โบไฮเดรตจะเผาผลาญได้พลังงาน 4 แคลอรี่ ถ้ายังไม่พอใช้อีก ร่างกายก็จะเอาอาหารพวกไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเผาผลาญต่อ โดยไขมันนี้จะได้พลังงานมากกว่าคือหนึ่งกรัมของไขมันจะเผาผลาญได้ 9 แคลอรี่  ถ้ายังไม่พออีก คราวนี้ร่างกายก็จะเอาโปรตีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของเซลกล้ามเนื้อ มาเผาผลาญให้พลังงานแทนในอัตราโปรตีนหนึ่งกรัมทำพลังงานได้ 4 แคลอรี่เช่นกัน เข้าทำนองเฉือนเนื้อตัวเองมาใช้ ดังนั้นอาหารให้พลังงานนี้ ถ้ามีมากเกินไปก็จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงจนคุมไม่ได้ แต่ถ้ามีน้อยเกินไป ก็อาจทำให้ร่างกายต้องเอาเซลดีๆมาเผาผลาญแทน จึงจำเป็นต้องรับประทานเข้าไปให้พอดี 
การจะบอกว่ารับประทานแค่ไหนจึง จะพอดี ขึ้นอยู่กับความจำเป็นต้องใช้แคลอรี่ของแต่ละคน โดยทั่วไปคนเราจะต้องการแคลอรี่วันละประมาณ 20-35 แคลอรี่ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกก.ต่อวัน ขึ้นอยู่กับว่ามีไขมันส่วนเกินอยู่ในร่างกายมากน้อยเพียงใด และมีกิจกรรมการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวในแต่ละวันมากแค่ไหน ถ้าต้องการลดน้ำหนัก ก็ต้องรับประทานแคลอรี่ให้น้อยกว่าระดับกิจกรรมการออกกำลังกาย เพื่อบังคับให้ร่างกายเอาไขมันสะสมออกมาเผาผลาญแทน
 ปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ต่อวันและต่อกิจกรรมจำนวน แคลอรี่ที่แต่ละคนใช้ไปในแต่ละวันเรียกว่า total daily energy expenditure หรือTDEE เพื่อความง่าย ขอแบ่งความต้องการแคลอรี่ในคนทั่วไปเป็น 3 กลุ่มดังนี้
   1. ผู้ที่ใช้พลังงานวันละ 1,200 – 1,600 แคลอรี่ต่อวัน ได้แก่ (1) ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือ (2) ผู้หญิงรูปร่างปานกลางที่ไม่ได้ออกกำลังกายกายสม่ำเสมอแต่ก็กำลังต้องการลด น้ำหนักอยู่พอดี
   2. ผู้ที่ใช้พลังงานวันละ 1,600 – 2,000 แคลอรี่ต่อวัน ได้แก่ (1) ผู้หญิงตัวใหญ่หรือผู้ชายร่างเล็กที่ใช้แรงงานมาก หรือ (2) ผู้ชายรูปร่างปานกลางที่ไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (3) ผู้ชายรูปร่างปานกลางที่ใช้แรงงานมากอยู่แล้วแต่อยากลดน้ำหนักด้วย
   3. ผู้ที่ใช้พลังงานวันละ 2,000 – 2,400 แคลอรี่ต่อวัน ต้องเป็น (1) ชายหรือหญิงรูปร่างขนาดกลางถึงใหญ่ที่ชอบออกแรงแข็งขันทั้งวัน หรือ (2) เป็นผู้ชายตัวใหญ่มากที่ไม่ได้ใช้แรงงานอะไรมากมาย หรือ (3) เป็นคนตัวใหญ่มากและใช้แรงงานมาก บวกกับต้องการลดน้ำหนักอยู่ด้วย
ตัวเลขข้างต้นนี้เป็นตัวเลขเหมาโหล ซึ่งประมาณไว้สำหรับกลุ่มคน หากต้องการตัวเลขที่แม่นยำและเจาะจงสำหรับตัวเราเอง ก็ต้องยอมยุ่งยากหน่อย ท่านที่ไม่สนใจลึกซึ้งจะผ่านส่วนนี้ไปเลยก็ได้ คือก่อนอื่น จำเป็นต้องทราบทราบจำนวนแคลอรี่ที่ใช้ต่อวันโดยไม่มีกิจกรรม (basal metabolic rate หรือ BMR) ของตัวเราเองก่อน ซึ่งคำนวณได้จากสูตร Katch-McArdle formula ดังนี้
BMR = 370 + (21.6 x LBM)
โดย ที่ LBM ซึ่งย่อมาจาก lean body mass หมายถึงน้ำหนักตัวที่หักเอาไขมันออกไปแล้ว คนรูปร่างปกติก็จะมี LBM เป็นประมาณ 70-75% ของน้ำหนักตัวปกติ แต่ถ้าจะเอาละเอียดก็ต้องคำนวณจากสูตรอีก [4] ดังนี้ 
ชาย LBM  = (0.32810 x (นน.เป็นกก.) + [(0.33929 x (ส่วนสูงเป็นซม.)] - 29.5336
หญิง LBM = (0.29569 x (นน.เป็นกก.) + [(0.42813 x (ส่วนสูงเป็นซม.)] - 43.2933

วุ่นวาย มากเลยใช่ไหมครับ เมื่อได้ค่า BMR ของตัวเราแล้ว จึงเอาค่านี้มาคูณตัวเลขปัจจัยกิจกรรม ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 1.2 ถึง 1.9 สุดแล้วแต่ว่าเรามีกิจกรรมหนักหรือเบา ผลคูณที่ได้คือจำนวนแคลอรี่ที่ตัวเราจะใช้ในหนึ่งวัน
ยกตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งมีน้ำหนัก 65 กก. สูง 165 ซม. มีกิจกรรมปานกลางคือทำงานออฟฟิศ ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำวันละ 1 ชั่วโมงทุกวัน คำนวณน้ำหนักตัวหลังหักไขมันแล้ว (LBM) ได้ 47.8 กก. เอาไปเข้าสูตรหา BMR ได้ 1,402 แคลอรี่ต่อวัน หรือ 58.4 แคลอรี่ต่อชั่วโมง นี่หมายถึงอย่างไรร่างกายก็ต้องเผาผลาญได้อยู่แล้วจากการนั่งอยู่เฉยๆ
ที่ นี้ถ้าจะดูว่าชายคนนี้เขาต้องทำกิจกรรมด้วย แคลอรี่ที่ใช้ทั้งหมด (TDEE) จะเป็นเท่าไร ก็เอาปัจจัยกิจกรรม ซึ่งเขามีกิจกรรมปานกลาง ค่าปัจจัยนี้น่าจะอยู่ที่ 1.5 เอาค่านี้มาคูณกับ BMR  ก็จะได้จำนวนแคลอรี่ที่ต้องใช้จริงเท่ากับ 2,103 ต่อวัน
จะเห็นว่า จำนวนแคลอรี่ที่แต่ละคนใช้ ขึ้นอยู่กับค่า BMR ของแต่ละคน การบอกจำนวนแคลอรี่จากกิจกรรมที่ให้ตัวเลขไว้ตามเว็บไซท์ทั่วไปเช่นบอกว่า ถูบ้านใช้ชั่วโมงละ 200-250 แคลอรี่ เต้นรำใช้ชั่วโมงละ 300-450 แคลอรี่  เดินเร็วๆ ใช้ชั่วโมงละ 400-500 แคลอรี่ ว่ายน้ำ ใช้ชั่วโมงละ 250-650 แคลอรี่ วิ่งใช้ชั่วโมงละ 600-1,000 แคลอรี่ เหล่านี้จึงเป็นเพียงแนวทางกว้างๆเพื่อเอามาพิจารณาประกอบกับขนาด (ใหญ่เล็ก) และรูปร่าง (อ้วนผอม) ของแต่ละคนเท่านั้น ไม่ใช่ตัวจำนวนแคลอรี่ที่จะใช้ไปจริงๆเมื่อทำกิจกรรมนั้นเหมือนกันหมดทุกคน

 ปริมาณแคลอรี่ในอาหารไทยผล วิจัยอาหารไทยของหลายสถาบันสรุปได้ว่าอาหารไทยซึ่งเป็นอาหารจานเดียวมี ปริมาณไขมันสูงเกินพอดี และให้แคลอรี่สูงเกินความต้องการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้สรุปผลวิจัยแคลอรี่ และคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทยยอดนิยม บางรายการ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นประโยชน์กับผู้กำลังลดน้ำหนัก ดังนี้




Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More